Translate

31 พ.ค. 2554

บันไดขั้นที่ 3

     วันนี้ เป็นวันหยุดแบงค์ฝั่งเมกาและยุโรป น่ะครับ วันนี้ระบบไม่ได้ให้สัญญาณเปิดออเดอร์ก็เลยไม่ได้เปิดเลยทั้งวัน แต่ก็ไม่เป็นรัยพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
     ช่วงนี้ ผมอ่านหนังสือ ชื่อ Awaken The Giant Within ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับ NLP หรือแนวๆโปรแกรมสมองน่ะครับ ของ แอนโทนี่ ร้อบบิ้น จริงๆผมเคยมีอีกเล่มนึงที่เค้าเขียน ชื่อ Unlimit Power แต่สงสัยตอนนั้นสมองยังไม่เปิด ก็เลยอ่านแค่ผ่านๆให้พอเข้าใจว่าเป็นแนวอะไร แต่พอตอนนี้มาอ่านเล่มนี้ก็ได้อะไรมากขึ้นเยอะเลยครับ แถมในหนังสือก็มีแบบฝึกหัดให้เราได้ฝึกสมอง คือใช้ความคิดคิดและเขียนสิ่งที่เราหวัง ฝัน และอยากทำ ออกมาเป็นตัวหนังสือ เพื่อการแปลงสิ่งที่ฝัน ให้เป็นจริง ดีมากๆครับเล่มนี้ เป็นหน้ังสือที่อ่านแล้วทำตามจะพัฒนาัตัวเองได้เยอะมากจริงๆ ลองไปหาซื้ออ่านกันนะครับ น่าจะยังมีขายอยู่แหระ เล่มอย่างหนาเลย แปดร้อยกว่าหน้า แต่ผมรับประกันได้ครับว่าคุ้มมากๆ
     นี่ก็ดึกแล้ว ผมขอตัวพักผ่อนก่อนนะครับผม ฝันดีครับ

29 พ.ค. 2554

บันไดขั้นที่ 2

     เสาร์อาทิตย์ วันหยุด ตลาดปิดเลยไม่ได้เทรด แต่มีกิจกรรมได้เดินทางไป จังหวัดสุพรรณบุรี ไปงานบวชแฟนเพื่อน คนนี้เค้าเคยมางานแต่งเราด้วย ก็เลยไปอนุโมทนาบุญ ส่งนาคเข้าโบถส์หน่อย รู้สึกดีนะ รู้สึกอิ่มบุญ ^_^
     แต่ในความสุขย่อมมีสิ่งตรงกันข้าม เป็นของปกติ อีกนัยหนึ่งก็คือ เราก็ได้คุยได้รับรู้ปัญหาของเพื่อนอีกหลายๆคน ว่าแต่ละคนมีปัญหาอะไรกันบ้าง เบาบ้างหนักบ้าง เกิดจากตัวเองบ้าง เกิดจากคนอื่นบ้าง เฮ้อๆ เมื่อกี้พี่ชายที่สนิท ก็เพิ่งโทรมาปรับทุกข์เหมือนกัน อืมม คนเรานี่ไม่ว่า รวยหรือจน หรือจะระดับใหน ต่างก็มีปัญหา มีความทุกข์กันทั้งนั้น แต่เอาเถอะมองในแง่บวก ปัญหาต่างๆทำให้เราเติบโตขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น ปัญหาก็คือ ครูผู้สอนความอดทนเรานั่นเอง สู้ๆครับเพื่อนๆทุกคน
     ช่วงนี้เดินทางบ่อยแฮะ เหอๆ
     เจออะไรหลายๆอย่าง บนโลกนี้ ก็เลยคิดว่า ธรรมมะ ช่วยให้เราเข้าใจโลกได้มากขึ้นจริง เมื่อเข้าใจ ก็เกิดปัญญา เมื่อเจอปัญหา ก็ใช้ปัญญาแก้ปัญหานั้นได้  และก็แปลกที่ปีนี้ รู้สึกจะเจอแต่เรื่องเกี่ยวกะการทำบุญเยอะมาก อืมม คงใกล้เข้าไปทุกขณะ กับการที่เราจะต้องลาอุปสมบท เหมือนกัน แต่เดี่ยวก่อนนะ ขอเวลาอีกสักสองปี เหอๆ เมื่ออะไรเข้าที่เข้าทาง จะตั้งใจบวชทดแทนพระคุณพ่อแม่ และศึกษาพระธรรมคำสอนให้เข้าใจมากขึ้นแน่นอน อืมม ไดอารี่นี้ ก็เหมือน คำมั่นสัญญา ไปในตัว อิอิ อีกสองปี ได้ใส่ผ้าเหลือง หุหุหุ นึกภาพตัวเองไม่ออกเหมือนกันแฮะ
    วันนี้ก็คงไม่มีสาระอะไรเท่าไรนะครับ ก็อัพเดตกิจกรรมที่ไปทำมาแระกัน
    ผมขอตัวพักผ่อนก่อนนะครับ ฝันดีครับเพื่อนๆ

27 พ.ค. 2554

บันไดขั้นที่ 1

        ครับ ต่อจากนี้ผมก็จะพยายามอัพเดตบันทึกไดอารี่ของผม อย่างน้อยวันละครั้ง ให้ได้ต่อเนื่องทุกวันไปอีกหลายๆปีนะครับ ก็ถือว่าเป็นการฝึกวินัยไปในตัวด้วย ว่าต้องบันทึกผลเรื่องราวการเทรด หรือสาระ หรือความรู้ทั่วไปอื่น ทุกวัน
        และต่อไปนี้ ก็จะใช้หัวข้อว่า บันไดขั้นที่ 1 2 3 4 ก็ไปตามสเตปทีละขั้นอะนะครับ เพราะตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเอง รีเซ็ทเกมส์ หรือ คอนทินิวเกมส์ ถ้าใครเคยเล่นเกมส์ คงพอเข้าใจ ก็คือการกลับมาเริ่มต้นใหม่นั่นเองต่อจากนี้ผมจึงจะบันทึกไดอารี่นี้ เป็นขั้นๆบันไดไป
        สำหรับวันนี้ งานผมอาจจะถือว่าจบเร็วไปหน่อย เพราะว่า ตอนนี้ที่พิมพ์ เป็นเวลาบ่ายกว่าๆ แต่ออเดอร์เทรดของผมก็ปิดไปแล้ว น่าจะตั้งแต่ตอนเช้าน่ะครับ เพราะว่าวิเคราะห์แล้วทำตามระบบ เมื่อคืนประมาณตีสอง ตื่นมาออเดอร์ก็ปิดไปแล้ว ก็ปิด+ 63pip 
        เป้าหมายคือ เคลียร์ที่ติดลบให้หมดให้ได้ก่อนสิ้นปี
ผมเชื่อว่าผมสามารถทำได้นะ ก็ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้าอ่านแล้วให้กำลังใจกันนะครับขอบคุณมาก
เดี่ยวถ้ามีรัยอัพเดตตอนดึกๆอาจจะมาพิมพ์อีกที สู้ๆครับเหล่าเทรดเดอร์

เริ่มต้นใหม่

    วันนี้ ปัญหาที่สั่งสมมา ก็ได้เวลาระเบิดออกมา วันนี้เป็นอีกวันที่เสียน้ำตา หลังจากไม่เสียน้ำตามากว่า 8 ปี
ความเครียด ความเศร้า ความอึดอัดทั้งหลาย ประดังกันเข้ามา จนในที่สุดจิตใจก็รับไม่ไหวจึงต้องมีการ
ระบายออกมาบ้าง แต่ก็ดี จะได้จดจำไว้แล้ว ว่าเราจะให้วันนี้เป็นวันสุดท้าย ต่อไป พรุ่งนี้หรืออนาคตข้างหน้า
เราจะไม่กลับมาอยู่ในสภาพนี้อีก
     เลยได้มีเวลานั่งทบทวน ตัวเอง ระยะเวลาที่ลงทุนมา ตั้งแต่ปี 2009 เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง อืมมมม
ได้เยอะเลยนะ รู้สึกเลยว่า คุ้มค่ามากๆกับ วิชาการลงทุน แม้จะเจ็บตัวไปบ้างแต่ก็นิดหน่อย ทำให้เราเก่งขึ้น
ฉลาดขึ้น ก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้เรารู้ว่า เราสามารถยึดอาชีพนี้ได้แน่นอน
   สำหรับเรื่องเทรด ผมก็ตั้งใจว่า ต่อจากนี้ไปจนสิ้นปี จะทำตามระบบ ที่เซ็ทมาแล้ว ให้ได้ทุกครั้ง ไม่ฝ่าฝืนกฏหรือคิดมากจนไม่ได้ทำตามระบบอีก แล้วสิ้นปีค่อยมาดูกันว่า ผลจะเป็นอย่างไร
ผมเชื่อว่า ผมสามารถประสบผลสำเร็จในอาชีพเทรดเดอร์ได้
ผมเชือว่า อนาคตจะมีผู้คนรู้จักผมในฐานะเทรดเดอร์ที่เก่ง
และผมเชื่อว่่า อนาคตผมจะได้มีโอกาส ถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์ในการลงทุนให้กับคนรุ่นหลังได้ฟังกัน
คืนนี้ ฝันดีนะครับทุกคน

1 พ.ค. 2554

1-05-2011

คืนวันแรงงาน ว่างๆเลยขออัพบล้อค ต่อ หายไปเป็นอาทิตย์เลยเรา
ก็ต่อจากคราวที่แล้ว ที่ผมเล่าประสบการณ์การเสียตังค์ให้กับ hyip ทั้งหลายแหล่
ก็ขอเตือนเพื่อนๆแล้วกันครับ อย่าหลงไปยุ่งกะมันเด็ดขาด เ้จ้าพวก hyip เนี่ยเพราะมันยิ่งกว่าเฮดฟันอีก
เหอๆๆ เพราะพวกนี้เจตนาเปิดมาเพื่อโกยเงินเราๆท่านๆแล้วก็ชิ่งครับ มันเป็นสเตปๆ มันมีสูตรของมันอยู่

มาต่อกันที่เรื่องเทรดของผม หลังจากมั่วๆกะเดโมใน mt4 ที่ได้กำไรเยอะสุดในเดโมคือ 1ชม ได้กำไรไป
5000$ ครับ ถูกต้องครับ ห้าพันเหรียญ หรือประมาณ 155,000 บาท ครับ เยอะมากใช่มั้ยครับสำหรับ
การเทรด 1 ชม ผมเพิ่งจะรู้ทีหลังว่า ผมติดกับดักซะแล้วก็เมื่อสายไป ก็เพราะการได้กำไรก้อนโตแบบนี้
ทั้งๆที่ยังเทรดแบบมั่วซั่ว ก็เลยทำให้ผมได้ใจ เปิดบัญชีเงินจริงเลย ทั้งๆที่เล่นเดโม แค่เดือนเดียว
ผลเหรอครับ เพื่อนๆคงไม่ต้องเดา ผมล้างพอร์ต 500$ หลังจากนั้น 1 เดือนครับ เพราะอะไรน่ะเหรอครับ

เพราะผมเทรดโดยไม่มีการวางแผน ไม่มีการวิเคราะห์กราฟแบบมีหลักการ ไม่มีกลยุทธ์ในการบริหารหน้าตัก แถมยังใช้อารมณ์ในการเทรดอีก ซึ่งผมก็มาเข้าใจก็เมื่อสายไปแล้ว เหอๆๆๆ

ทีนี้หลังจากที่ผมขาดทุน ผมก็ต้องหาสาเหตุซิครับ ก็ปรากฏว่า ตามที่กล่าวมาแล้วน่ะแหระ ทีนี้ทำไงดี ก็
ไม่มีทางเลือกครับ ผมต้องขายสมบัติส่วนตัวเพื่อเอามาเป็นทุนในการเทรด ครั้งใหม่ แต่ แต่ผมจะรู้ได้ไงว่าผมจะไม่ทำพลาดอีก ทีนี้ ก็หาความรู้เพิ่มเติมครับ อ่าน แล้วอ่าน แล้วก็อ่าน แล้วก็อ่านครับ อ่านจนคิดว่าเข้าใจในระดับนึง ก็เลยคิดระบบการเทรดของตัวเองขึ้นมาครับ แล้วก็ลองทดสอบกราฟย้อนหลัง หรือแบ้คเทส น่ะแหระครับ โอ้โห ผลการแบ้คเทส ดีมากๆเลย กำไรมโหฬาร ขาดทุนนิ้ดดดดดเดียววว

ทำไมมันช่างง่ายดายอย่างนี้ แต่ มีแต่ อีกแล้วครับอิอิ ผมมีประสบการณ์การขาดทุนมาแล้ว ผมรู้แล้วว่าการเทรดจริงๆไม่ได้ง่ายขนาดนั้น สิ่งที่ผมต้องเจอแน่ๆ ก็คือ อีโมชั่นครับ ใช่อารมณ์ในการเทรดนั่นเอง ผมก็เลยศึกษาเพิ่มเติมครับ เกี่ยวกับจิตวิทยาการลงทุนน่ะแหระครับ แล้วก็เรื่อง การบริหารหน้าตักอีก

เดี่ยวใว้ผมค่อยๆเล่าให้ฟังนะครับ

อืมมม งั้นเดี่ยวอีกนิดนึงเกี่ยวกับ เหตุและผล ว่าทำไมผมถึงเลือกที่จะทำอาชีพที่เรียกได้ว่าหินมากๆนี้ ผมจะอธิบาย ให้เพื่อนๆได้รู้กันนะครับ

ก็อย่างที่บอกผมโดนโกง โดยการระดมทุนเพื่อมาเทรดฟอเร็ก นั่นก็จุดหนึ่ง แต่เหตุผลจริงๆของการลงทุนของผม ก็คือ ผมอยากมีรายได้จากพอร์ตการลงทุนและ ธุรกิจ อนาคตก็จะมีอสังหา ด้วยแหระ เพราะผมไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือนน่ะครับ ผมไม่อยากใช้ชีวิตแบบคนส่วนใหญ่ ที่ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงาน ให้ใครก็ไม่รู้ พักเที่ยงก็กินข้าว เย้นก็กลับบ้าน ผมไม่อยากเป็นหุ่นยนต์ในร่างคนแบบนั้น ผมรู้สึกว่าชีวิตแบบนั้น มันช่างตื้นเขินเกินไป หมายถึง ชีวิตคนเรามันต้องมีค่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้ดิ และผมก็อยากมีอิสระเสรี ในการใช้ชีวิต ผมอยากมีเวลาให้กับครอบครัว ผมแต่งงานแล้ว ผมอยากให้เวลากับภรรยาและ ลูกในอนาคตของผม นั่นคือ สิ่งที่สำคัญมากๆสำหรับผม

ผมคิดว่าทุกคนมีความฝันนะ แต่ผมอยากให้เพื่อนๆ ลองหาเหตุผลที่แท้จริงของความฝันนั้น ว่าเราต้องไปให้ถึงฝันนั้นเพื่ออะไร เพราะสิ่งนี้จะเป็นแรง เป็นพลังให้เราก้าวเดินไปตามหาฝัน ได้อย่างไม่ย่อท้อ เพราะการเดินทางตามหาฝันมันไม่ง่ายเกินไปหรอก และก็ไม่ยากเกินไปด้วย แต่ระหว่างทางแน่นอนว่ามันต้องมีล้มบ้าง มีสะดุดบ้าง ก่อนที่จะเจอสิ่งที่เราหวัง เพราะฉะนั้นถ้าเหตุผลมี แรงมีพลังมากพอมันก็จะช่วยให้เราอยู่ในเส้นทางแห่งฝันไปได้ตลอด ไม่ทำให้เราออกนอกเส้นทางหรือลืมเป้าหมายของเราไปก่อน จำคำนี้ไว้นะครับ "คำว่า why มาก่อน คำว่า How เสมอ" ลองเอาไปพิจารณากันดูนะครับ

สำหรับวันนี้ผมก็ขอพักก่อนนะครับผม

หลับฝันดีครับ บะบายยย